สโมสรสุพรรณบุรี เอฟซี

สโมสรฟุตบอลจังหวัดสุพรรณบุรี ก่อตั้งเมื่อวันที่ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2541 เคยสร้างผลงานยิ่งใหญ่ เป็นแชมป์โปรวินเชียลลีก 2 สมัย ในปี พ.ศ. 2545 และ 2547 โดยมี สัญลักษณ์เป็นรูปยุทธหัตถีหน้าดวงตะวันส่องแสง สีประจำทีมคือ สีส้มและสีน้ำเงิน มีนายเกรียง นักพาณิชย์ เป็นผู้จัดการทีม และอาจารย์ชนะ ยอดปรางค์ เป็นผู้ฝึกสอน มีจำนวนนักกีฬาทั้งสิ้น 30 คน และเจ้าหน้าที่ทีม 10 คน โดยได้รับฉายานามในขณะนั้นว่า ทีมขุนแผน สุพรรณบุรี ส่วนฉายานามในปัจจุบันคือ ช้างศึกยุทธหัตถี เป็นทีมที่สร้างนักกีฬาฝีเท้าดีมากมาย เข้าสู่ตลาดไทยลีก หรือแม้แต่ทีมชาติ นักเตะที่โด่งดังจากทีมจังหวัดสุพรรณบุรี เช่น ประเสริฐ ช้างมูล เทิดศักดิ์ ใจมั่น มานิตย์ น้อยเวช เบคเค่นบาวน์ เสืออินทร์ คำภีร์ ปิ่นฑะกูล ฯลฯ

ในช่วงที่กำลังจะเริ่มต้นฤดูกาลใหม่ 2554 นายบรรหาร ศิลปอาชา นายกรัฐมนตรีคนที่ 21 ของประเทศไทย ได้ตอบรับเทียบเชิญจาก นายกบุญชู จันทร์สุวรรณ เข้ามาทำทีมด้วยตนเองในตำแหน่งประธานที่ปรึกษาของสโมสร และมอบหมายให้บุตรชาย "ท็อป" ส.ส. วราวุธ ศิลปอาชา เข้ามาเป็นประธานสโมสรฟุตบอลสุพรรณบุรีเอฟซี โดยมี นายกบุญชู จันทร์สุวรรณ นายก อบจ.สุพรรณบุรี เป็นประธานสโมสรกิตติมศักดิ์ และใช้สนามกีฬากลางจังหวัดสุพรรณบุรีเป็นสนามเหย้า แทนสนามเดิมคือโรงเรียนกีฬาจังหวัดสุพรรณบุรี

ด้วยความพร้อมในการทำทีมอย่างจริงจัง ประกอบกับวิสัยทัศน์ที่ต้องการสร้างทีมฟุตบอลอาชีพ โดยมีเป้าหมายเพื่อผลักดันทีมให้ขึ้นสู่ไทยพรีเมียร์ลีกให้ได้ภายใน 2 ปี ของ วราวุธ ศิลปอาชา มีการทุ่มเททั้งกำลังคนและงบประมาณอย่างเต็มที่ เพื่อทวงความยิ่งใหญ่ในการเป็นสโมสรฟุตบอลที่มีผลงานอยู่ในระดับแนวหน้าของประเทศ ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งของความภาคภูมิใจของชาวสุพรรณบุรี กลับคืนมา

วันอังคารที่ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

สุพรรณบุรีดุดันดั่งช้างศึก เจ้าพระยาไชยานุภาพดั่งชัย
ออกโรงโรมรันไม่ขัดไม่ค้านทีมใด กึกก้องเกรียงไกรไปทุกทาง
ตะลุยเอาชัยกับใครที่ท้าชน หัวใจคนสุพรรณนั้นเป็นพลัง
เอ้า !!!! เชียร์ทีมเชียร์ตะโกนสุดเสียงดั­งๆ เรารวมพลังพิชิตชัย
สวมเสื้อทีมเบอร์ 12 ร้องเชียร์เราเชียร์เอาให้มัน
สวมเสื้อทีมเบอร์ 12 พี่น้องชาวสุพรรณเราพร้อมกันพร้­อมใจ
มาด้วยกัน มาด้วยกัน เลือดสุพรรณของเรา(เฮ้)
มาด้วยกัน มาด้วยกัน ไม่เคยเกรงผู้ใด (เฮ้....เฮ..)
เลือดสุพรรณเชียร์เข้าไป สุพรรณบุรี เอฟซี เราภูมิใจสุพรรณบุรี


วันจันทร์ที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2556


ขอแนะนำสกู๊ปใหม่ “คุยหลังเกม” ที่จะพาทุกท่านไปรู้จักตัวตนของนักกีฬาไทยมากขึ้น เบิกฤกษ์คนแรกด้วย “เจ้ากอล์ฟ-วุฒิชัย ทาทอง” หนุ่มแน่นวัย 28 ปี จากศรีสะเกษ ไล่เรียงชีวิตในวัยเด็กด้วยการเดินตามรอยสตั๊ดคุณน้าอดีตนักเตะสโมสรตำรวจ จนได้เข้าเมืองกรุงในนามนักฟุตบอลกรุงเทพคริสเตียน ลุยสู้ศึกฟุตบอลจตุรมิตรดังที่เด็กมัธยมหลายคนฝันใฝ่ หลังจากนั้นก็ผูกไทด์เข้าสู่รั้วจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มีผลงานโดดเด่นจนติดทีมกีฬามหาวิทยาลัยโลก แถมคว้าเหรียญทองแดงประวัติศาสตร์มาห้อยคอได้อีกด้วย ด่านสำคัญต่อมาคือการติดธงชาติสู้ศึกซีเกมส์ที่โคราช และได้แชมป์มาครองสำเร็จ นับแต่นั้นเส้นทางฟุตบอลอาชีพของเจ้ากอล์ฟก็ใสปิ๊งมาตลอด โดยเฉพาะเมื่อ 2 ปีที่แล้ว กับบทบาทหัวหน้าทีม ศรีสะเกษ เอฟซี ซึ่งดูเหมือนจะลงตัวอย่างเหมาะเจาะเพราะได้กลับไปค้าแข้งในถิ่นมาตุภูมิ แต่อนิจจังบอลไทย เมื่อสโมสรต้นสังกัดเคลียร์กันไม่ลงตัวในเรื่องการถือครองสิทธิ์ทำทีม ทำให้ต้องตัดสินใจเปลี่ยนแปลงอีกครั้ง ด้วยการมาค้าแข้งกับสุพรรณบุรี เอฟซี สโมสรน้องใหม่ในไทยลีก งานนี้ชาวกรูปรีศรีสะเกษลือหึ่งว่าเจ้ากอล์ฟทิ้งบ้านเกิดแบบไม่เหลียวแล เจ้าตัวเองเผยอยากให้เข้าใจว่าไม่มีใครที่อยากทิ้งถิ่นฐานบ้านเกิดทั้งที่มีความสุขดี แต่ทุกอย่างต้องขับเคลื่อนไปพร้อมๆกันทั้งครอบครัวการงานและการเงิน ทุกคนจึงต้องตัดสินใจเพื่อสิ่งที่ดีที่สุดในขณะนั้น แม้หลายสโมสรมารุมจีบเข้าทีมพร้อมให้ค่าตัวบวกสวัสดิการสูงลิบ แต่กอล์ฟเลือกสุพรรณบุรีฯเป็นบ้านหลังใหม่ เพราะคิดว่าเขาเองจะได้รับโอกาสในการลงสนามมากกว่า ช่วงเวลาที่ผ่านมากอล์ฟนับเป็นนักเตะหลักของทีมครองใจสาวกช้างศึกยุทธหัตถีทั้งจังหวัด ส่วนเรื่องการตั้งเป้าในเส้นทางลูกหนังก็ขอทำหน้าที่ปัจจุบันให้เต็มที่ และช่วยให้ทีมอยู่รอดปลอดภัยในลีกสูงสุดของฟุตบอลไทยต่อไป

ผู้ติดตาม